อนุทินกรณีธรรมกาย


ประวัติและเหตุการณ์ความเป็นมาของวัดพระธรรมกายจากข่าว
(พ.ศ.๒๕๔๑-๒๕๔๒)


เสขิยธรรม ฉบับที่ ๔๓
มกราคม - มีนาคม ๒๕๔๓
อนุทิน..กรณีธรรมกาย



๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๔๑
         กรมการศาสนามอบหมายให้คณะทำงานตรวจสอบต้นฉบับหนังสือ สารานุกรมศัพท์พุทธศาสนา ตามคำสั่งกรมการศาสนา ที่ ๒๓๕/๒๕๔๑ เป็นคณะทำงานตรวจสอบหนังสือ วัสดุที่เผยแพร่คำสอนพระพุทธศาสนาที่ผลิตโดยวัดพระธรรมกาย จำนวน ๑๑๓ เล่ม ได้ผลสรุป ๔ ประเด็น

         ๑. พระนิพพานเป็นอัตตา ซึ่งขัดกับคำสอนของพระไตรปิฎกฝ่ายเถรวาท ที่สอนว่าพระนิพพานเป็นอนัตตา

         ๒. ประเด็นการเผยแพร่คำสอน ซึ่งวัดพระธรรมกายเน้นเรื่องปาฏิหาริย์ให้เกิดศรัทธาเชื่อถือ

         ๓. การทำบุญ (บริจาคทาน) วัดพระธรรมกายได้ชักชวนการบริจาค โดยอ้างเอาความศักดิ์สิทธิ์ของพระที่ทางวัดพระธรรมกายจัดสร้างขึ้น (พระมหาสิริราชธาตุ) มอบให้เป็นของขวัญแก่ผู้บริจาคและมอบเป็นของขวัญให้กับผู้ที่ชักชวนผู้อื่นให้มาบริจาคจำนวนมากๆ

         ๔. การสร้างพระพุทธรูป ทางวัดพระธรรมกายสร้างพระพุทธรูปที่ผิดแผกไปจากพุทธศิลป์ที่มีอยู่เดิม โดยอ้างว่า สร้างขึ้นตามนิมิตที่เห็นในการทำสมาธิของวัดพระธรรมกาย

๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๔๑
         กรมการศาสนาได้นำเรื่องวัดพระธรรมกายเสนอมหาเถรสมาคม พิจารณาเกี่ยวกับกรณีคำสอนที่ผิดไปจากหลักคำสอนในพระไตรปิฎกฝ่ายเถรวาท และการก่อสร้างศาสนสถานที่ใหญ่โต รวมทั้งมีการกล่าวอ้างอภินิหารของหลวงพ่อสด วัดปากน้ำ ตลอดจนการรวบรวมเงินบริจาคจำนวนมาก อาจทวนกับกระแสสังคมในปัจจุบัน ที่รัฐบาลกำลังรณรงค์ให้ประชาชนประหยัดและดำรงชีวิตอย่างเรียบง่าย

๑๒ ธันวาคม ๒๕๔๑
         ที่ประชุมมหาเถรสมาคมได้นำเรื่องวัดพระธรรมกายเข้าพิจารณาและลงมติให้พระพรหมโมลี เจ้าอาวาสวัดยานนาวาในฐานะเจ้าคณะภาค ๑ รับหน้าที่สืบสวนใน ๓ ประเด็น กล่าวคือ ๑. การโฆษณาวัตถุมงคล ๒. การก่อสร้างศาสนสถานที่ใหญ่โต และ ๓. การระดมเงินบริจาคต้านกระแสสังคมและการกล่าวอ้างอภินิหารหลวงพ่อสด แล้วนำเสนอมหาเถรสมาคม โดยผ่านเจ้าคณะใหญ่หนกลาง

๒๔ ธันวาคม ๒๕๔๑
         นายอาคม เอ่งฉ้วน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ มีคำสั่งที่ สป. ๑๓๕๒/๒๕๔๑ ตั้งคณะทำงานหาข้อเท็จจริง กรณีวัดพระธรรมกาย มีนายสุวัฒน์ เงินฉ่ำ รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธาน

๓๑ ธันวาคม ๒๕๔๑
         นายสุวัฒน์ เงินฉ่ำ ประธานคณะกรรมการรวบรวมข้อมูลวัดพระธรรมกาย แนะนำวัดพระธรรมกายให้ทบทวนคำสอน อย่ายึดตนเอง ตัวกู-ของกู

๑ มกราคม ๒๕๔๒
         คณะกรรมการกลุ่มวิชาพระพุทธศาสนา และจริยศึกษา กรมการศาสนา สรุปรายงานวิเคราะห์พฤติกรรมของวัดพระธรรมกายใน ๔ ประเด็นคือ คำสอนในเรื่องนิพพานเป็นอัตตา รูปแบบการเผยแพร่ศาสนา การชักชวนทำบุญโดยอ้างความศักดิ์สิทธิ์ของพระ และการสร้างพระพุทธรูปขึ้นตามนิมิตเสนอนายพิภพ กาญจนะ อธิบดีกรมการศาสนา เพื่อส่งต่อพระพรหมโมลี ให้ประกอบการพิจารณา

๒๒ มกราคม ๒๕๔๒
         นายสุวัฒน์ เงินฉ่ำ ประธานคณะกรรมการวินิจฉัยข้อมูล และเพิ่มประเด็นระบบการเผยแพร่กิจกรรมของวัดพระธรรมกายที่กระจายไปตามจังหวัดต่างๆ เพื่อนำส่งมหาเถรสมาคม

๒๘ มกราคม ๒๕๔๒
         นายอาคม เอ่งฉ้วน เปิดเผยว่า ได้เข้าพบพระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค ๑ แล้ว และพระพรหมโมลีชี้ว่าการสอนเรื่องนิพพานเป็นอัตตาไม่ถูกต้อง

๒๙ มกราคม ๒๕๔๒
         พระชั้นผู้ใหญ่ในมหาเถรสมาคม ให้วัดพระธรรมกายต้องปรับในสิ่งที่ผิดให้ถูกต้อง ถ้าขัดขืนต้องใช้มาตรการขั้นเด็ดขาด ถึงขั้นถอดจากตำแหน่ง

๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๒
         นายสุวัฒน์ เงินฉ่ำ ประธานคณะกรรมการรวบรวมข้อมูล กระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยว่า พระทัตตชีโว ยินดีรับฟังแนวทางที่เจ้าคณะภาค ๑ แนะนำ แต่ไม่รับปากว่าจะทำตามได้หรือไม่

๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๒
         นายอาคม เอ่งฉ้วน และนายพิภพ กาญจนะ อธิบดีกรมการศาสนา นำข้อมูลเพิ่มเติมมอบให้พระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค ๑

๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๒
         พระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค ๑ เปิดเผยผลการพิจารณาที่ประชุมมหาเถรสมาคมใน ๔ แนวทาง คือ ๑. ให้ตั้งสำนักวิปัสสนาปฏิบัติตามหลักวิปัสสนาที่ถูกต้อง ๒. ให้ตั้งโรงเรียนพระปริยัติธรรม สอนให้เป็นระบบที่ถูกต้อง ๓. เปลี่ยนคำสอนให้นิพพานเป็นอนัตตา ๔. ให้วัดพระธรรมกาย ปฏิบัติตามกฎมหาเถรสมาคม ข้อบังคับ ระเบียบ คำสั่ง มติ ประกาศ อย่างเคร่งครัด

๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๒
         นายอาคม เอ่งฉ้วน และนายอำนวย สุวรรณคีรี ประธานที่ปรึกษากรรมาธิการ การศาสนา ศิลปะและวัฒน-ธรรม สภาผู้แทนราษฎร นำข้อมูลทั้งของกระทรวงศึกษาธิการ และกรรมาธิการ การศาสนาฯ ถวายแด่สมเด็จพระสังฆราช ซึ่งทรงรับสั่งให้จัดประชุมวาระพิเศษ เกี่ยวกับวัดพระธรรมกาย


๕ มีนาคม ๒๕๔๒
         ในการประชุมมหาเถรสมาคม สมเด็จพระสังฆราชมีรับสั่งให้นำเรื่องของวัดพระธรรมกายเข้าที่ประชุมเพื่อพิจารณา ซึ่งมีมติให้นำเอกสารชุดของคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม นำขึ้นทูลถวายและสมเด็จพระสังฆราช ได้ให้พระพรหมโมลีรับไปพิจารณา ประกอบกับเอกสารอื่นๆ ที่มีอยู่

๙ มีนาคม ๒๕๔๒
         นายชวน หลีกภัย นายอำนวย สุวรรณคีรี และนายจรวย หนูคง เข้าเฝ้าสมเด็จพระสังฆราช ซึ่งทรงมีรับสั่งให้รัฐบาลประสานกับพระเถระชั้นผู้ใหญ่ เพื่อดำเนินการ พร้อมกับประธานบันทึกเรื่องวัดพระธรรมกายให้กับนายกรัฐมนตรีด้วย

๑๑ มีนาคม ๒๕๔๒
         มีการประชุมมหาเถรสมาคม พระพรหมโมลี สรุปผลเรื่องวัดพระธรรมกาย เสนอให้ดำเนินการ ๔ ประเด็นเช่นเคย และว่าพระธัมมชโยได้ลงนามยอมรับการปฏิบัติตามแล้ว และให้กรรมการ มส.ทุกรูปไปศึกษาเอกสารข้อมูลต่างๆ เพิ่มเติมอีก โดยเฉพาะการเปลี่ยนแนวคำสอนเรื่องนิพพานจากอัตตาเป็นอนัตตา

๑๖ มีนาคม ๒๕๔๒
         นายอาคม เอ่งฉ้วน เข้าพบพระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค ๑ เพื่อสอบถามการนำเรื่องวัดพระธรรมกายเข้าสู่วาระการประชุมของ มส. อีกครั้ง รวมทั้งให้เพิ่มการพิจารณาประเด็นการถือครองที่ดินของธัมมชโยด้วย

๑๙ มีนาคม ๒๕๔๒
         มีการประชุมกรรมการมหาเถรสมาคม แต่ในที่สุดก็เลื่อนการพิจารณา กรณีวัดพระธรรมกายออกไปอีก โดยอ้างว่าพระเถระบางรูปยังอ่านเอกสาร และข้อมูลที่มีจำนวนมากไม่จบ

๒๒ มีนาคม ๒๕๔๒
         กรรมการมหาเถรสมาคมหลายรูป ได้มีบันทึกความเห็นเป็นลายลักษณ์อักษรเกี่ยวกับกรณีวัดพระธรรมกาย รวมทั้งเอกสารที่เป็นพระลิขิตของสมเด็จพระสังฆราช (ฉบับที่ ๑)เสนอต่อที่ประชุม มหาเถรสมาคม ซึ่งที่ประชุมได้พิจารณากันอย่างกว้างขวางแล้วมีมติว่า การพิจารณาดำเนินการ กรณีวัดพระธรรมกายของพระพรหมโมลีที่ให้คำแนะนำ ๔ ประการ ให้วัดพระธรรมกายปฏิบัตินั้นชอบแล้ว และเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายได้ตอบรับที่จะปฏิบัติตามเป็นลายลักษณ์อักษรนั้นชัดเจนแล้ว จึงให้วัดพระธรรมกายปฏิบัติตามคำแนะนำทั้ง ๔ ประการอย่างเคร่งครัด และให้พระพรหมโมลีเจ้าคณะภาค ๑ ดูแลสั่งการให้วัดพระธรรมกายปฏิบัติตามที่ได้มีหนังสือตอบรับนั้นด้วย

         ส่วนกรณีอื่นๆ ของวัดพระธรรมกาย เช่น การเรี่ยไร เป็นต้น ให้เจ้าคณะภาค ๑ สั่งการให้วัดพระธรรมกายปฏิบัติตามระเบียบมหาเถรสมาคม และกฎหมายบ้านเมือง และที่ประชุมยังได้มอบหมายให้กรมการศาสนาไปร่างคำแนะนำการถือกรรมสิทธิ์ที่ดินของวัด เพื่อให้ถือเป็นแนวปฏิบัติให้ถูกต้องเหมาะสมต่อไป

๒๖ มีนาคม ๒๕๔๒
         ที่ประชุมมหาเถรสมาคมมีการพิจารณาถึงพระลิขิตของสมเด็จพระสังฆราช (ฉบับที่ ๒) เกี่ยวกับกรณีวัดพระธรรมกายอีกครั้งหนึ่ง และมีมติว่า เพื่อให้เกิดความชัดเจน จึงมอบเอกสารพระดำริให้กับเจ้าคณะภาค ๑ อีกครั้ง อนึ่ง ทุกกรณีที่เจ้าคณะภาค ๑ ได้ดำเนินการเกี่ยวกับวัดพระธรรมกายให้รายงานเจ้าคณะใหญ่หนกลางอย่างใกล้ชิด

๒๙ มีนาคม ๒๕๔๒
         ม.ล.จิตติ นพวงศ์ ช่วยงานสมเด็จพระสังฆราช เปิดเผยว่า สมเด็จพระสังฆราชทรงมีพระลิขิต กรณีวัดพระธรรมกายบิดเบือนคำสอน ในการประชุมวันที่ ๑๙ มีนาคม แต่ไม่มีการนำเข้าที่ประชุม มส. 

๕ เมษายน ๒๕๔๒
         กรมการศาสนาใด้นำพระลิขิตของสมเด็จพระ-สังฆราช (ฉบับที่ ๓) ที่ทรงมีพระดำริเพิ่มเติมเกี่ยวกับกรณีวัดพระธรรมกายเข้าสู่ที่ประชุมมหาเถรสมาคมพิจารณา ที่ประชุมมีมติมอบเอกสารให้เจ้าคณะภาค ๑ พิจารณาเหมือนครั้งที่แล้ว และให้เจ้าคณะภาค ๑ รายงานการดำเนินงานเกี่ยวกับวัดพระธรรมกายให้เจ้าคณะใหญ่หนกลาง ผู้บังคับบัญชาใกล้ชิดทราบ

๒๖ เมษายน ๒๕๔๒
         มีการประชุมมหาเถรสมาคม สมเด็จพระสังฆราชทรงมีพระบัญชาให้ดำเนินการเรื่องวัดพระธรรมกายให้เสร็จเรียบร้อย

๒๙ เมษายน ๒๕๔๒
         สมเด็จพระสังฆราช ทรงมีพระลิขิตออกมา (ฉบับที่ ๔) ระบุชัดเจนว่า อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายต้องอาบัติปาราชิก เนื่องจากบิดเบือนพระธรรมวินัย และครอบครองที่ดินของผู้บริจาค 

๔ พฤษภาคม ๒๕๔๒
         กระทรวงศึกษาธิการโดยกรมการศาสนาได้รายงานเกี่ยวกับกรณีวัดพระธรรมกายต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ซึ่งที่ประชุมคณะรัฐมนตรีลงมติรับทราบตามที่กระทรวงศึกษาธิการ(กรมการศาสนา)รายงาน และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการในปัญหาวัดพระธรรมกาย ดังนี้

         ๑. ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติถวายการอารักขาสมเด็จพระสังฆราช และรักษาความปลอดภัย และอำนวยความสะดวกในที่ประชุมมหาเถรสมาคม

         ๒.ให้กระทรวงศึกษาธิการ(กรมการศาสนา) ดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อสนองพระบัญชาสมเด็จพระสังฆราช และรับสนองงานตามมติมหาเถรสมาคม

         ๓.ให้กระทรวงมหาดไทย(กรมที่ดิน) อำนวยความสะดวกแก่เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย (พระราชภาวนาวิสุทธิ์) ในกรณีการโอนที่ดินในชื่อเจ้าอาวาสให้แก่วัดพระธรรมกาย หากได้ความเห็นที่แน่ชัดว่า เป็นการรับโอนไว้แทนวัดพระธรรมกายมาตั้งแต่เดิม

๑๐ พฤษภาคม ๒๕๔๒
         กรมการศาสนา แจ้งพระราชภาวนาวิสุทธิ์ จัดส่งใบมอบอำนาจ (ท.ด.๒๑) พร้อมเอกสาร เพื่อใช้ประกอบในการยื่นขอจดทะเบียนโอนสิทธิที่ดินให้วัดพระธรรมกาย

         กรมการศาสนาได้นำเรื่องกรณีการโอนที่ดินของพระราชภาวนาวิสุทธิ์ให้แก่วัดพระธรรมกาย และพระลิขิตของสมเด็จพระสังฆราช (ฉบับที่ ๕) เข้าสู่ที่ประชุมมหาเถรสมาคมพิจารณา ที่ประชุมมีมติรับทราบ ตามที่อธิบดีกรมการศาสนาร่วมกับเจ้าคณะภาค ๑ ดำเนินการเกี่ยวกับการโอนที่ดินทั้งหมดให้เป็นของวัด ตามหนังสือแสดงเจตนามอบที่ดินของเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย และให้เจ้าคณะภาค ๑ รายงานมหาเถรสมาคม โดยผ่านเจ้าคณะใหญ่หนกลางอีกครั้งหนึ่ง ส่วนกรณีอื่นๆ ให้กรมการศาสนาร่วมกับเจ้าคณะภาค ๑ ติดตาม เพื่อให้เกิดผลในทางปฏิบัติต่อไป สำหรับพระลิขิตที่สมเด็จพระสังฆราชประทานมาทั้งหมด มหาเถรสมาคมมีมติสนองพระดำริมาโดยลำดับ ให้ชอบด้วยกฎหมาย พระธรรมวินัย และกฎมหาเถรสมาคม พร้อมทั้งได้มีมติเกี่ยวกับคำแนะนำการถือกรรมสิทธิ์และการถือครองที่ดินของวัด(ในวันเดียวกัน หนังสือพิมพ์ข่าวสด สรุปเหตุการณ์ไว้ว่า ในการประชุมมหาเถรสมาคม ซึ่งมีมติ ๒ เรื่องคือ

         ๑. เรื่องโอนที่ดินของอดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย

         ๒. กรณีอื่นๆ ให้กรมการศาสนาติดตามเพื่อให้เกิดผลในทางปฏิบัติต่อไป โดยไม่มีมติให้ธัมมชโยปาราชิกแต่อย่างใด และอธิบดีกรมการศาสนาผู้แถลงหลังการประชุมได้ประกาศให้ใช้กฎนิคหกรรมกับธัมมชโย ซึ่งเท่ากับว่าต้องเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่อีกครั้ง) 


๑๓ พฤษภาคม ๒๕๔๒
         ตัวแทนพระราชภาวนาวิสุทธิ์ นำเอกสารต่างๆ ที่ใช้ยื่นจดทะเบียนที่ดิน ๕ แปลงมาส่ง และกรมการศาสนาได้นำเอกสารยื่นกรมที่ดิน เพื่อตรวจสอบ

๑๕ พฤษภาคม ๒๕๔๒
         กรมการศาสนาแจ้งกับพระราชภาวนาวิสุทธิ์ว่า เอกสารที่ส่งให้กรมไม่สมบูรณ์และไม่ครบถ้วนให้จัดส่งให้ครบ

๑๗ พฤษภาคม ๒๕๔๒
         กรมการศาสนา มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหาวัดพระธรรมกาย และแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ ๒ ชุด คือ คณะกรรมการพิจารณาปัญหาด้านที่ดิน และอนุกรรมการพิจารณาปัญหาฝ่ายพระธรรมวินัย

๑๘ พฤษภาคม ๒๕๔๒
         กรมการศาสนาและผู้แทนกรมที่ดิน ได้หารือกับผู้แทนพระราชภาวนาวิสุทธิ์ ประกอบด้วยรองเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย และคณะสรุปข้อหารือได้ ๓ ประการคือ

         ๑.พระราชภาวนาวิสุทธิ์ ยังยืนยันตามหนังสือแสดงเจตนารมณ์ที่จะมอบที่ดิน ให้แก่วัดพระธรรมกายเหมือนเดิม

         ๒.พระราชภาวนาวิสุทธิ์ และวัดพระธรรมกายรับทราบจากผู้แทนกรมที่ดินว่าเอกสารที่ดินแปลงที่มอบให้ จำนวน ๕ แปลง ที่ส่งให้กรมการศาสนายังไม่สมบูรณ์ และกรมการศาสนาไม่สามารถดำเนินการแทนพระราชภาวนาวิสุทธิ์และวัดพระธรรมกายได้ โดยตัวแทนพระราชภาวนาวิสุทธิ์ จะส่งมอบเอกสารที่สมบูรณ์ให้ภายใน ๗ วัน วันที่ ๑๘-๒๕ พฤษภาคม

         ๓.ที่ดินแปลงที่เหลือ เนื่องจากจะต้องปรึกษากับผู้บริจาคตามวัตถุประสงค์ที่บริจาคแต่ละราย เพื่อจะได้ไม่ผิดวัตถุประสงค์ของผู้บริจาค จึงยังไม่ได้ทำหนังสือมอบอำนาจให้กรมการศาสนา คณะทำงานของวัดพระธรรมกายขอปรึกษาผู้บริจาคให้ชัดเจนก่อน แล้วจะได้ส่งแผนการโอนที่ดินที่เหลือให้กรมการศาสนา ภายในวันที่ ๓๐ พฤษภาคม 

๑ มิถุนายน ๒๕๔๒
         ผู้แทนเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ได้มาแจ้งว่าตามที่วัดพระธรรมกายได้นัดหมายจะส่งแผนการโอนที่ดินให้กรมการศาสนาในวันที่ ๓๐ พฤษภาคม นั้น พระราชภาวนาวิสุทธิ์ยังคงยืนยันเจตนารมณ์ที่จะโอนที่ดินให้แก่วัดพระ-ธรรมกายเหมือนเดิมทั้งหมด โดยได้มอบอำนาจให้พระปลัดสุธรรม สุธมฺโม ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย เป็นผู้รับมอบอำนาจดำเนินการโอนที่ดิน และกรมการศาสนาเป็นผู้ประสานงาน ติดตาม กำกับ ดูแล เร่งรัดโอนที่ดินให้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี แต่โดยที่ขณะนี้ได้มีการยืนฟ้องอธิกรณ์ตามกฎนิคหกรรมแก่พระราชภาวนาวิสุทธิ์ ดังนั้นรอให้การดำเนินการของศาลสงฆ์ยุติก่อน แล้วจะโอนที่ดินให้วัดพระธรรมกายให้เสร็จสิ้นทันที

๓ มิถุนายน ๒๕๔๒
         นายพิภพ กาญจนะ อธิบดีกรมการศาสนา มีจดหมายถึงเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ให้รีบโอนที่ดินจำนวน ๑,๗๔๗ ไร่ ๒ งาน ๘๗ ตารางวา ในเขตพื้นที่ ๑๕ จังหวัด คืนให้แก่วัดพระธรรมกาย โดยไม่จำเป็นต้องรอการพิจารณาของศาลสงฆ์สิ้นสุดลง ภายในวันที่ ๑๐ มิถุนายน ๒๕๔๒

๙ มิถุนายน ๒๕๔๒
         ที่ประชุม มส. มีสมเด็จพระพุฒาจารย์ ทำหน้าที่เป็นประธาน ไม่ได้นำเรื่องวัดพระธรรมกายมาพิจารณา

๑๐ มิถุนายน ๒๕๔๒
         เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ยอมโอนที่ดินเพียง ๑๒ แปลง รวม ๓๐๔ ไร่ ในพื้นที่ จ.ชลบุรี จ.จันทบุรี จ.ลพบุรี เท่านั้น นายอาคม เอ่งฉ้วน จึงได้สั่งให้กรมการศาสนา ดำเนินคดีกับเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ๓ ข้อหา คือ แจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน เป็นเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ และเป็นเจ้าพนักงานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่

๑๓ มิถุนายน ๒๕๔๒
         พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ผบ.ตร. ตั้งพนักงานสอบสวน โดยให้ พล.ต.ท.วาสนา เพิ่มลาภ ผู้บัญชาการ สำนักงานข้าราชการตำรวจ เป็นหัวหน้าชุดพนักงานสืบสวนสอบสวน

๒๒ มิถุนายน ๒๕๔๒
         ที่ประชุม มส. ไม่ได้นำเรื่องวัดพระธรรมกายเข้าพิจารณา ส่วนกรณีที่กรมการศาสนา แจ้งความดำเนินคดีอาญากับเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ๓ ข้อหานั้น นายพิภพ กาญจนะ กล่าวว่า ได้รายงานต่อพระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค ๑ และสมเด็จพระมหาธีราจารย์ เจ้าคณะใหญ่หนกลาง แล้ว 

๒ กรกฎาคม ๒๕๔๒
         ที่ประชุม มส. ไม่ได้นำเรื่องวัดพระธรรมกายมาพิจารณา อ้างว่าอยู่ในการพิจารณาของเจ้าคณะจังหวัดปทุม ว่าจะฟ้องหรือไม่

๗ กรกฎาคม ๒๕๔๒
         ที่ประชุม มส. ไม่มีวาระการประชุมเรื่องวัดพระธรรมกาย แต่เป็นวาระทั่วไป

๑๖ สิงหาคม ๒๕๔๒
         ที่ประชุม มส. มีมติออกมาว่า ฆราวาสสามารถฟ้องพระได้ และให้พระพรหมโมลีทำหนังสือชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษร

๒๕ สิงหาคม ๒๕๔๒
         เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย เข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน ในคดีฉ้อโกง และคดีเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ที่วัดชนะสงคราม และได้รับการประกันตัวด้วยเงิน ๒ ล้านบาท

๒๗ สิงหาคม ๒๕๔๒
         ที่ประชุม มส. สั่งให้เลื่อนการรับรองมติของนายมาณพ พลไพรินทร์ และนายสมพร เทพสิทธา ไปวันที่ ๖ ก.ย. ๔๒

๓๑ สิงหาคม ๒๕๔๒
         ที่ประชุม มส. มีมติให้ปรับปรุงข้อความมติ มส. เมื่อวันที่ ๒๓ สิงหาคม ๔๒ ให้ชัดเจนขึ้น เช่น ตำแหน่งการพิจารณาศาลขั้นต้นของพระพรหมโมลี ต้องระบุให้ชัดเจน เป็นต้น 

๑๔ กันยาน ๒๕๔๒
         ที่ประชุม มส. มีมติให้นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล นำความเห็นเสนอประกอบการพิจารณา กรณีนายมาณพ พลไพรินทร์ และนายสมพร เทพสิทธา ครั้งต่อไป ทางด้านนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล มีความเห็นว่ามติ มส. วันที่ ๑๖ สิงหาคม ๔๒ ถูกต้องแล้ว ตนจะหารือกับนายวิชัย ตันศิริ ว่าจะเสนอความเห็นไปยัง มส. หรือไม่

๒๐ กันยายน ๒๕๔๒
         ที่ประชุม มส. ไม่ได้นำเรื่องนายสมพร เทพสิทธา และนายมาณพ พลไพรินทร์ มาพิจารณา โดยหันมาพิจารณาประเด็นอื่นแทน ขณะที่สมเด็จมหาธีราจารย์ วัดชนะสงคราม เห็นว่า ที่ประชุม มส.ควรรับพิจารณา แต่ประธานที่ประชุม (สมเด็จฯ เกี่ยว) เห็นว่า ควรให้คณะกรรมการกฤษฎีกาตีความอีก.

๓ ตุลาคม ๔๒
         อัยการสั่งฟ้องธัมมชโย และนายถาวร พรหมถาวร ๒ ข้อหา คือ เจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และเป็นเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ แต่ธัมมชโยอ้างว่าไม่สบาย ไม่มามอบตัว อัยการจึงส่งแพทย์โรงพยาบาลตำรวจไปตรวจถึงที่วัด ปรากฏว่า อาการปกติ จึงได้นำธัมมชโยเข้ามอบตัวกับอัยการ

๑๙ ตุลาคม ๔๒
         ที่ประชุมมหาเถรสมาคมได้พิจารณาความเห็นของพระพรหมโมลีอีกครั้ง และมีมติออกมาว่า ฆราวาสฟ้องพระได้ และให้เจ้าคณะจังหวัดปทุม ทำหนังสือเรียกตัวธัมมชโยมารับฟังข้อกล่าวหาในวันที่ ๑๐ พฤศจิกายน ๔๒ และอายัดบัญชีเงินฝากเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย 

๓ พฤศจิกายน ๔๒
         สมเด็จพระพุฒาจารย์ วัดสระเกศ กล่าวเปิดทางให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่บ้านเมือง ร่วมทั้งผู้พิจารณาตามขั้นตอนการปกครองคณะสงฆ์ ให้ถือประโยชน์บ้านเมืองเป็นหลัก ใครถูกว่าไปตามถูกใครผิดว่าไปตามผิด โดยไม่ต้องเกรงใจพระผู้ใหญ่

๙ พฤศจิกายน ๔๒
         ธัมมชโยมอบหมายให้นายวีระศักดิ์ ฮาดดา หัวหน้ามูลนิธิธรรมกาย พร้อมด้วยพระปลัดสุธรรม สุธมฺโม ผู้ช่วยเจ้าอาวาส และพระอีก ๗ รูป นำหนังสือคัดค้านมามอบให้เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี โดยบอกว่า ธัมมชโยจะไม่มารับฟังข้อกล่าวหาตามกฎนิคหกรรมในวันที่ ๑๐ พฤศจิกายน ๔๒ เนื่องจากผิดขั้นตอนและถือว่าได้จบสิ้นไปแล้ว

๑๐ พฤศจิกายน ๔๒
         ตัวแทนวัดพระธรรมกาย ได้รับมอบหมายให้นำหนังสือปฏิเสธการเดินทางมาพบเจ้าคณะหวัดปทุมธานี โดยอ้างว่าผู้กล่าวหาทั้งสองถูกกลั่นแกล้งจากเรื่องนิคหกรรมที่เสร็จสิ้นเด็ดขาดไปแล้ว

๑๒ พฤศจิกายน ๔๒
         นายเริงฤทธิ์ เบ้านุวงศ์ หัวหน้าฝ่ายสังฆการ เข้านมัสการพระพรหมโมลี และนำเอกสารสรุปสำนวนสั่งฟ้องกฎนิคหกรรมเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานีไปถวาย แต่พระพรหมโมลีส่งกลับคืน โดยบอกว่าเอกสารที่ส่งมาไม่ครบ โดยไม่บอกว่าที่ขาดคืออะไร

๑๓ พฤศจิกายน ๔๒
         ธัมมชโยเข้ามอบตัวต่ออัยการในข้อหายักยอกทรัพย์ และเป็นเจ้าพนักงานปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เกี่ยวกับการซื้อที่ดิน ต.ท่าข้าม อ.ชนแดน จ.เพชรบูรณ์ ๙๐๒ ไร่เศษ พร้อมกับนายถาวร พรหมถาวร นายปิยฤทธิ์ ปิตะวนิด และ น.ส.อมรรัตน์ หรือสีกาตุ้ย ซึ่งพนักงานสอบสวนสั่งฟ้องในข้อหาสนับสนุนให้เจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ และเป็นเจ้าพนักงานปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ผู้ต้องหาทั้ง ๔ ขอยื่นประกันตัวกำหนดหลักทรัพย์คนละ ๓ ล้านบาท

๑๖ พฤศจิกายน ๔๒
         สาวกวัดพระธรรมกาย จำนวน ๓๐๐ คน ชุมนุมเรียกร้องให้สมเด็จพระมหาธีราจารย์ เจ้าคณะใหญ่หนกลาง พิจารณาทบทวนคำสั่งปลดพระครูปทุมกิจโกศล โดยก่อนหน้านี้ ๑ วัน ศิษย์วัดพระธรรมกายอีก ๑๕๐ คน ได้ยื่นหนังสือประท้วงคำสั่งปลดเจ้าคณะตำบลต่อพระสุเมธาภรณ์ แต่ไม่พบจึงไปพบที่วัดเขียนเขต

๑๗ พฤศจิกายน ๔๒
         พระครูปทุมกิจโกศล ส่งหนังสือร้องเรียนขอความเป็นธรรมจากการถูกสั่งพักตำแหน่งไปยังอธิบดีกรมการศาสนา โดยอ้างว่าตนได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ และขอให้ทำเรื่องเข้าบรรจุในวาระประชุม มส. ๑๗ พฤศจิกายน ๔๒ และได้ส่งหนังสือขอความเป็นธรรมไปยังนายชวน หลีกภัย อีกด้วย

๑๘ พฤศจิกายน ๔๒
         ที่ประชุม มส. ไม่ได้นำเรื่องวัดพระธรรมกายบรรจุเป็นวาระการประชุม ต่อมาในบ่ายวันเดียวกัน สาวกวัดพระธรรมกายยกขบวนมาชุมนุมขวางคำสั่งปลดพระครูปทุมกิจโกศล เจ้าคณะตำบลคลองหนึ่งออกจากตำแหน่ง ที่วัดชนะสงคราม และต่อมาได้เกิดเหตุระเบิดที่ลานจอดรถหน้าคณะ ๒ วัดชนะสงคราม เวลา ๒๐.๔๐ น. ทำให้รถยนต์เสียหาย ตำรวจสันนิษฐานเบื้องต้นว่าเป็นการข่มขู่พระผู้ใหญ่ในวัด

๑๙ พฤศจิกายน ๔๒
         สมเด็จพระสังฆราชเสด็จมาให้กำลังใจสมเด็จพระมหาธีราจารย์ที่วัดชนะสงคราม อันเนื่องมาจากกรณีที่วัดถูกวางระเบิด ส่วนทางด้านศาล ได้มีการสืบพยานโจทก์นัดแรกในคดีที่นายไชยบูลย์ สิทธิผล และนายถาวร พรหมถาวร เป็นจำเลยฐานยักยอกทรัพย์ และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ แต่จำเลยทั้ง ๒ ปฏิเสธ นายสนธยา โพธิ์แดง จึงได้แถลงต่อศาลขอเลื่อนพิจารณาไปวันพุทธที่ ๑๒ มกราคม ๔๒ 

๘ ธันวาคม ๔๒
         พระพรหมโมลีนัดหมายให้พระสุเมธาภรณ์ พระเทพสุธี รองเจ้าคณะภาค ๑ มาประชุมร่วมกัน พระสุเมธาภรณ์กล่าวว่า พระพรหมโมลีให้จัดทำนิคหกรรมให้ดีงาม ถ้าทำไม่ดีไม่ถูกจะตกนรก ที่ผ่านมา ทำดีแล้วไม่ต้องเริ่มต้นใหม่ ส่วนทางด้านตำรวจได้ขออนุมัติ จับกุมนายบัณฑูรย์(เบญจ์) บาระกุล และกำลังพิมพ์หมายจับ โดยจะส่งหมายจับและประกาศจับไปยังศูนย์ย่อยของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองทั่วประเทศ

๙ ธันวาคม ๔๒
         นายไพบูลย์ เสียงก้อง กล่าวหลังจากที่ประชุม มส. ว่า วันนี้ไม่มีการพิจารณาปัญหาวัดพระธรรมกาย แต่ได้หารือนอกรอบกับสมเด็จพระมหาธีราจารย์ กรณีที่พระพรหมโมลีนัดประชุมวันที่ ๗ ธ.ค. ว่า พระพรหมโมลีได้ให้พระสุเมธาภรณ์ไปรวบรวมรายงาน และตรวจความถูกต้องของคำพิจารณา จากนั้นให้ส่งรายงานมาทางกรมการศาสนา เพื่อเข้าที่ประชุม มส. และได้ขอให้เปลี่ยนคำว่า 'บกพร่อง' ในคำพิจารณาของคณะผู้พิจารณาขั้นต้นมาเป็นคำว่า 'ไม่สอดคล้อง' แทน

๑๐ ธันวาคม ๔๒
         พระปริยัติวโรปการ รักษาการเจ้าคณะตำบลคลองหนึ่ง มีคำสั่งที่ ๑/๒๕๔๒ ให้ธัมมชโยพักจากตำแหน่งเจ้าอาวาส กรณีถูกฟ้องเป็นจำเลยคดีอาญา ตั้งแต่วันที่ ๘ ธันวาคม ๔๒ เป็นต้นไป

๑๓ ธันวาคม ๔๒
         นายสนธยา โพธิ์แดง ทนายความ พระภานุมาส ภานุปาโร พระนักกฎหมายของวัด พระสานิต นิคจนฺตโณ และแกนนำสำคัญของวัด ๔-๕ คน เข้าฟังคำชี้แจง และตั้งคำถาม กรณีสั่งพักตำแหน่งธัมมชโย ของพระปริยัติวโรปการที่วัดมูลจินดาราม โดยรักษาการเจ้าคณะตำบลคลองหนึ่งกล่าวว่า วัดไม่เสียหาย แต่ตัวบุคคลมีปัญหาก็ต้องหาทางแก้ไข และตนพร้อมที่เข้าไปชี้แจ้งที่วัดพระธรรมกาย ทำให้สาวกที่ติดตามมาฟังคำชี้แจงค่อนข้างพอใจกับคำชี้แจ้งดังกล่าวของเจ้าคณะตำบลคลองหนึ่ง

... ... ฯลฯ ... ...

0 ความคิดเห็น:

กรุณาล็อกอินก่อนใช้งาน