เดลินิวส์ 30/12/2542 เตือนสติสงฆ์ละโมบระวังกลายเป็นเปรต


สมเด็จพระสังฆราชทรงเตือนสติสงฆ์ ละโมภยึดเอาของวัดเป็นของตนจะกลายเป็นเปรตอสุรกาย ไม่ชาตินี้ก็ชาติหน้า "สมศักดิ์"ย้ำเปลี่ยนเจ้าคณะภาค 1 หากยึกยักคดีวัดพระธรรมกาย เตรียมเสนอมหาเถรฯเปลี่ยนกระบวนการ พิจารณาความผิดสงฆ์ ฟันธงดำเนินการนิคหกรรม"ไชยบูลย์" ไม่เกิน 3 เดือนรู้ผล ศิษย์ธรรมกายพลิกแผนดอดเข้าโรงเรียนจีบนักเรียนเป็นพวก อ้างติดป้าย"บ้านแสงสว่าง"ถวายความจงรักภักดีและร่วมเฉลิมฉลองพระชนมายุ 6 รอบ



จากกรณีที่กรมการศาสนานำเอกสารรายงานความหมายของคำว่า การดำเนินการที่ผ่านมาไม่สอดคล้องเป็นอย่างไรที่พระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค 1 สงสัย ซึ่งมหาเถรสมาคมมีมติมอบหมายให้ไปจัดทำรายงานที่เป็นข้อเท็จจริงของที่ประชุม และให้ผู้ทรงคุณวุฒิด้าน กฎหมายอาทิ นายมีชัย ฤชุพันธ์ ประธานวุฒิสภา นายจรวย หนูคง ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ ฯลฯ รับรอง นำถวายแด่สมเด็จพระมหาธีราจารย์ เจ้าคณะใหญ่หนกลาง เพื่อพิจารณาสั่งการต่อไปนั้น

เมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 29 ธ.ค. นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รมว.ศึกษาธิการกล่าวว่า ได้รับราย งานจากนายไพบูลย์ เสียงก้อง อธิบดีกรมการศาสนา กรณีเข้านมัสการสมเด็จพระมหาธีราจารย์แล้ว คาดว่าเจ้าคณะใหญ่หนกลางคงจะสั่งให้มีการดำเนินการ ตามกระบวนการนิคหกรรมนายไชยบูลย์ สุทธิผล เจ้าลัทธิธรรมกายและพระเผด็จ ทัตตชีโว รองเจ้าอาวาส วัดพระธรรมกายโดยเร็ว คาดว่ากระบวนการจะเสร็จสิ้นในเร็วๆนี้ โดยส่วนตัวเห็นว่าไม่น่าจะใช้เวลานานถึง 3 เดือน ส่วนกรณีที่คาดกันว่าพระพรหมโมลี อาจจะเกิดข้อโต้แย้งหรือสงสัยในประเด็นอื่นอีกนั้น เรื่องนี้คงจะต้องมีการเปลี่ยนตัวคณะผู้พิจารณาชั้นต้นทันที

"กระทรวงฯคงให้กรมการศาสนาเสนอเปลี่ยนตัวเจ้าคณะภาค 1 ใหม่ ไม่ใช่ปลดออกจากตำแหน่ง แต่เป็นความจำเป็นต้องย้ายให้พ้นความดูแลปกครอง และย้ายเจ้าคณะภาคอื่นๆมาดำรงตำแหน่งแทน เพื่อให้การดำเนินการตามกระบวนการนิคหกรรมเดินหน้าต่อไป ซึ่งถ้าเกิดกรณีเช่นนี้จริงก็ไม่กระเทือนการดำเนินการแน่นอน เพราะการโยกย้ายสับเปลี่ยนเจ้าคณะภาคนั้นสามารถกระทำได้โดยไม่เสียเวลา แต่ในอนาคตคงไม่ใช้วิธีแก้ไขเช่นนี้"

นายสมศักดิ์กล่าวว่า แนวทางนี้ไม่ใช่วิธีที่ถูกต้องแต่จำเป็นต้องดำเนินการในเวลานี้ เพื่อยุติปัญหาดังกล่าวโดยเร็ว วันข้างหน้าคงต้องมีการแก้ไข โดยปรับเปลี่ยนอำนาจการสอบสวน คดีสงฆ์ที่ให้ผู้ปกครองพิจารณาพระในวัดที่อยู่ใต้การปกครอง กันเองให้เป็นผู้ปกครองจากภาคอื่นเป็นผู้สอบสวนเพื่อให้เกิดความยุติธรรม และไม่มีการดึงเรื่องช่วยเหลือกัน ตัวอย่างเช่น กรณีวัดพระธรรมกาย อยู่ภายใต้การดูแลของเจ้าคณะภาค 1 เมื่อมีการร้องเรียนให้ดำเนินการตามกฎนิคหกรรม เจ้าคณะภาค 1 ไม่ควร สอบสวนเอง แต่จะให้เจ้าคณะภาค 2 หรือ ภาค 3 หรือไม่ก็ ภาค 14 มาเป็นหัวหน้าคณะผู้พิจารณา เพื่อการดำเนนิการจะได้เป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย

ส่วนกรณีที่ชมรมพุทธศาสตร์ ซึ่งเป็นกลุ่มพื้นฐานในสถาบันการศึกษาอุดมศึกษาต่างๆของวัดพระธรรมกาย เคลื่อนไหวเข้าไปตามสถาบันการศึกษาต่างๆ เพื่อเผยแพร่บ้านแสงสว่าง โดยให้นักเรียนนำไปให้ผู้ปกครองติดหน้าบ้าน อ้างว่าเพื่อเป็นการร่วมเฉลิมฉลิงเนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระชนมายุ 72 พรรษานั้น รมว.ศึกษาฯกล่าวว่า ได้กำชับผู้อำนวยการโรงเรียนต่างๆให้ใช้วิจารณญานใช้ความรอบคอบในการตัดสินใจ แต่คงไปจัดการอะไรไม่ได้มาก ส่วนที่มีการระบุว่าทางวัดพระธรรมกายมักจะใช้วิธีอ้างเบื้องสูงบ่อยครั้งนั้น ยังไม่ได้รายงานอย่างเป็นทางการ

สำหรับการจัดกิจกรรมของวัดพระธรรมกายในช่วงปีใหม่ว่า อยากฝากถึงประชาชนว่าการทำบุญก็ควรมีขอบเขต ที่สำคัญต้องมีสติ เพื่อสืบทอดพระพุทธศาสนา อย่าไปทำบุญเพียงเพื่อบุคคลหรือกลุ่มบุคคลคณะใดคณะหนึ่ง ธรรมย่อมคุ้มครองผู้ที่ประพฤติธรรมด้วยความบริสุทธิ์ใจ

ในวันเดียวกันที่วัดพระธรรมกาย นายวิระศักดิ์ ฮาดดา หัวหน้าสำนักงานมูลนิธิธรรมกายกล่าวว่า ขณะนี้ทางวัดได้เตรียมงานกิจกรรมบุญใหญ่ที่เรียกว่าวันประทีป สันติภาพแห่งโลก และสหัสวรรษแห่งอัญมณีไปกว่า 90%แล้ว โดยมีชาวต่างประเทศอาทิ อเมริกัน จีน ญี่ปุ่น เกาหลี ออสเตรเลีย อิตาลี ฝรั่งเศส เนปาล เขมร ลาว อินโดนีเซีย ฯลฯ ได้เริ่มทะยอยมาร่วมงานนี้แล้ว ซึ่งทางวัดก็จะจัดที่พักให้โดยส่วนใหญ่จะเป็นการปักกลด ส่วนหนึ่งก็จะพักที่สภาหลังคาจาก (สภาธรรมกายสากลเดิม) ที่สำคัญก็คือทางสหประชาชาติได้ประกาศให้ปีนี้เป็นปีแห่งสันติภาพโลก ซึ่งได้เชิญชวนสมาชิกต่างๆมาร่วมงานเฉลิมฉลองตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.43

"งานจะเริ่มตั้งแต่เวลา 6.00 น. โดย จะมีการตักบาตร นั่งสมาธิ ปฏิบัติธรรม แผ่เมตตาจิต และมีการทอดผ้าป่าใหญ่ครั้งที่ 3 ส่วนภาคค่ำก็จะมีพิธีจุดโคมประทีปไฟเฉลิใฉลองรุ่งอรุณแห่งสันติภาพโลก โดยองค์กรที่แจ้งมานั้นราว 1,800 องค์กรจาก 150 ประเทศ อย่างไรก็ดีทางวัดได้ยกเลิกที่จะให้มีการตัดเค๊กฉลอง รวมไปถึงการจัดคอนเสิร์ตในวัดด้วย"

เย็นวันเดียวกันที่วัดบวรนิเวศวิหาร สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก ทรงประทานพรในวันปีใหม่ โดยเนื้อส่วนหนึ่งน่าจะเกี่ยวข้องกับปัญหาความวุ่นวายในวงการพุทธศาสนา ที่ยังไม่สามารถหาข้อยุติได้ทั้งทางโกลและทางสงฆ์ในเวลานี้ ความว่า ความทุกข์ที่หนักขึ้นไปอีก ให้ความทุกข์ทรมานหนักหนาที่สุดก็คือผลแห่งการเลวร้ายนานาประการ เพื่อให้ได้เงินทองเป็นของตน ในภูมิภพใหม่จะต้องหนีไม่พ้นกรรมที่ต้องชดใช้ เป็นเปรตอสุรกายน่าจะอย่างเบาที่สุดแล้ว และปรากฎมีผู้พบเห็นตามวัดวาอารามเล่าขานกันเสมอมา

"ท่านสันนิษฐานว่า ความโลภของผู้รับผิดชอบสมบัติของวัดสมบัติสงฆ์นั่นเองที่ทำให้เกิดมีเปรต ในวัดวาอารามแม้กระทั่งทุกวันนี้ นี่ไม่ได้หมายความว่าความโลภจนกล้าทำผิดศีล จะไม่เกิดแก่ผู้ที่อยู่นอกวัด ที่ไม่ได้แตะต้องส่วนของวัดของสงฆ์ ลงว่าผิดศีลด้วยความโลภแล้ว ผิดหนักเพียงใด โทษก็หนักเพียงนั้น หนีพ้นในชาตินี้ แต่จะหนีไม่ได้ในชาติหน้า ควรจำไว้ให้ดี"

0 ความคิดเห็น:

กรุณาล็อกอินก่อนใช้งาน