เดลินิวส์ 12/1/2543 เจ้าคณะภาค 1 เก้าอี้หลุดแน่ฝ่าฝืนมติ มส.ไม่ฟัน"ไชยบูลย์"


เจ้าคณะภาค 1 รอดยาก สมเด็จพระมหาธีราจารย์ยํ้าหนักแน่นฝ่าฝืนมติมหาเถรฯ กรณีไม่ดำเนินกระบวนการนิคหกรรม"ไชยบูลย์-ทัตตชีโว"19 ม.ค.ยื่นให้มหาเถรฯตัดสินใจ ลั่นวาจายึดความถูกต้องและความมั่นคงของพุทธศาสนาเป็นหลักสำคัญสุด "พล.ต.ท.ล้วน" สั่งพนักงานสอบสวนเร่งหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมด่วน 9 คดี ระบุใครไม่ให้ความร่วมมือต่อไปนี้ดำเนินการตามกฎหมายทั้งหมด



ที่วัดชนะสงคราม เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 11 ม.ค. นายวิชัย ตันศิริ รมช.ศึกษาธิการ พร้อมด้วยนายไพบูลย์ เสียงก้อง อธิบดีกรมการศาสนา นายสุทธิวงศ์ ตันตยาพิศาลสุทธิ์ รองอธิบดีกรมการศาสนาและนายเริงฤทธิ์ เบ้านุวงศ์ หัวหน้าฝ่ายสังฆการ กรมการศาสนา ได้เดินทางเข้านมัสการสมเด็จพระมหาธีราจารย์ เจ้าคณะใหญ่หนกลาง เพื่อปรึกษาหารือในการดำเนินการตามกระบวนการนิคหกรรมต่อนายไชยบูลย์ สุทธิผล เจ้าลัทธิธรรมกายและพระทัตตชีโว รองเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ภายหลังจากที่พระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค 1 ในฐานะหัวหน้าคณะผู้พิจารณาชั้นต้นได้ทำหนังสือรายงานให้เจ้าคณะใหญ่ หนกลางทราบว่า การดำเนินการตามกระบวนการนี้ได้สิ้นสุดไปแล้ว ตั้งแต่เมื่อวันที่ 13 ส.ค. 2542 โดยใช้เวลาในการหารือราว 1 ชั่วโมง

จากนั้นนายวิชัยได้เปิดเผยผลการหารือว่า ได้เดินทางมานมัสการเจ้าคณะใหญ่หนกลางตามที่เคยบอกไว้ โดยได้หารือในเรื่องหนังสือรายงานของพระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค 1 ซึ่งเรื่องนี้สมเด็จ พระมหาธีราจารย์ยืนยันว่าการดำเนินการตามกระบวนการนิคหกรรมยังไม่สิ้นสุด และยังถือว่ามติมหาเถรสมาคมกรณีดังกล่าวนี้ถูกต้อง และที่ผ่านมานั้นดำเนินการไม่สอดคล้อง กับมติมหาเถรฯ เมื่อเจ้าคณะภาค 1 วินิจฉัยออกมาเช่นนี้ก็คงต้องเสนอให้มหาเถรฯ รับทราบ โดยเจ้าคณะใหญ่จะมีความเห็นในเรื่องนี้เสนอเข้าไปด้วย

ต่อข้อถามที่ว่า ความเห็นของเจ้าคณะใหญ่หนกลางคือการปลดเจ้าคณะภาค 1 ใช่หรือไม่ นายวิชัยกล่าวว่า หมายความว่ามีความเห็นที่ขัดแย้งกัน สมเด็จพระมหาธีราจารย์ยืนยันว่าฆราวาสสามารถฟ้องร้องสงฆ์ได้ แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบันนี้เป็นปัญหาเรื่องตัวบุคคลมากกว่า ส่วนการดำเนินการของพระพรหมโมลีถือว่าขัดมติมหาเถรฯ หรือไม่นั้น ถ้าจะให้พูดตรงไปตรงมาก็คือ พระพรหมโมลีไม่รับมติมหาเถรฯ นั่นเอง ซึ่งคงต้องมีบทลงโทษตามมาอย่างแน่นอน แต่จะเป็นอย่างไรนั้นก็เป็นไปตามมติมหาเถรฯ ที่จะมีการประชุมกันในวันที่ 19 ม.ค. ก่อน

"สมเด็จท่านบอกกับผมว่า ท่านมีความจริงใจในเรื่องนี้ และต้องวางตัวเป็นอุเบกขา ซึ่งหมายความว่า แม้จะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับตัวบุคคลก็ต้องรักษากฎและความถูกต้องไว้เป็นอันดับแรก"

ส่วนที่ว่าสมเด็จพระมหาธีราจารย์อาจจะมีความอึดอัดใจในเรื่องนี้ เนื่องจากพระพรหมโมลีก็เป็นเพื่อน นายวิชัยกล่าวว่า เจ้าคณะใหญ่หนกลางบอกว่าไม่ต้องคำนึงถึงเรื่องนี้ ต้องแบ่งแยกความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนและหน้าที่ออกจากกัน มิฉะนั้นแล้วสังฆาธิการจะอยู่ไม่ได้

ต่อข้อถามที่ว่า สมเด็จพระมหาธีราจารย์ยืนยันเองใช่หรือไม่ว่า เจ้าคณะภาค 1 ทำหนังสือรายงานว่า กระบวนการนิคหกรรมสิ้นสุดลงแล้วถือเป็นการฝืนมติมหาเถรฯ หรือไม่ รมช.ศึกษาฯกล่าวว่า ใช่ เพราะมติมหาเถรฯ ให้ดำเนินการต่อไปแต่ทางเจ้าคณะภาค 1 กลับบอกว่าสิ้นสุดแล้ว ดังนั้นผู้ที่รับผิดชอบก็คือคณะผู้พิจารณาชั้นต้น อย่างไรก็ตามขอให้รอถึงวันที่ 19 ม.ค.ก่อนเพราะถือว่าจะเป็นโค้งสุดท้ายในเรื่องนี้แล้ว

มีรายงานแจ้งว่า ในการหารือครั้งนี้สมเด็จพระมหาธีราจารย์ได้ย้ำว่า ไม่มีอำนาจใด ๆมาบีบบังคับให้ทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้องได้ และขอให้พุทธศาสนิกชนชาวไทยทั้งหลายจงเชื่อมั่นว่า ความถูกต้องและความมั่นคงของพุทธศาสนาเป็นเรื่องที่สำคัญมากกว่าสิ่งอื่น ส่วนในเรื่องของการตั้งคณะที่ปรึกษาพิเศษขึ้นมาในกรณีวัดพระธรรมกายนั้น เจ้าคณะใหญ่หนกลางไม่เห็นด้วย เพราะเชื่อว่าการดำเนินการตามกระบวนการนิคหกรรม เป็นสิ่งที่ถูกต้องที่สุด

ในด้านการดำเนินคดีอาญากับนายไชยบูลย์และพรรคพวกนั้น เมื่อเวลา 14.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ท.ล้วน ปานรศทิพ ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีวัดพระธรรมกาย ได้เรียกประชุมคณะพนักงานสอบสวนอาทิ พล.ต.ต.วันชัย ศรีนวลนัด รองผบช.ก. พล.ต.ต.ปานศิริ ประภาวัติ ผช.ผบช.ก. พล.ต.ต.อิสระ สมแก้ว ผบก.ภ.จ.ระยอง พล.ต.ต. สมชัย เจริญทรัพย์ ผบก.ภ.จ.ปทุมธานี พล.ต.ต. จุมพล มั่นหมาย รองผบช.ภ.1 พ.ต.อ.สมพงษ์ คงเพชรศักดิ์ รองผบก.ป. พ.ต.อ.ฉัตรกนก เขียวแสงส่อง ผกก.1ป. พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ผกก.2 ป. ฯลฯ มาประชุมนัดแรก เพื่อรายงานการดำเนินการที่ผ่านมา โดยใช้เวลาประชุมกันราว 3 ชั่วโมง

หลังเสร็จการประชุม พล.ต.ท.ล้วนกล่าวว่า ในการประชุมได้มีการรายงานรายละเอียด ของการสอบสวนจากพนักงานสอบสวน ซึ่งส่วนหนึ่งได้ดำเนินการเสร็จสิ้นไปแล้ว บางส่วนพนักงานสอบสวนกำลังสืบหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมเป็นเรื่อง ๆ ไป แต่ไม่อาจจะเปิดเผยรายละเอียดได้ สำหรับคดีที่ได้ดำเนินการเสร็จสิ้นและส่งสำนวน ไปให้อัยการสูงสุดแล้วนั้น ก็ยังคงต้องมีการหาหลักฐานเพิ่มเติม บางคดีใกล้ยุติก็ได้มีการเร่งรัดคดีไปแล้ว อย่างไรก็ตามจะมีการประชุมรายงานความคืบหน้าอีกครั้งในวันที่ 28 ม.ค.นี้เวลา 14.00 น.

รายงานแจ้งว่า ในการประชุมครั้งนี้พล.ต.ท.ล้วนได้เร่งรัดให้สอบสวนเพิ่มเติม ในประเด็นที่ยังอยู่ระหว่างการดำเนินการจำนวน 9 คดีคือ 1. กรณีการถือครองที่ดินของสีกาคนสนิทของนายไชยบูลย์ที่จังหวัดตราด 2. กรณีฉ้อโกงประชาชน 3. กรณีการถือครองที่ดินของสีกาคนสนิทที่จังหวัดเชียงใหม่และราชบุรี 4. กรณีการโอนเงินวัดเข้าบัญชีพระรังสฤษดิ์ 5. กรณีการโอนเงินวัดเข้าบัญชีสีกาคนสนิทจำนวน 2 คน 6. กรณีการขอเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้กับผู้บริจาคเงินให้แก่วัดพระธรรมกาย 7. กรณีบริษัทที่นายไชยบูลย์นำเงินวัดไปลงทุนทำธุรกิจกว่า 20 บริษัท 8. กรณีบัญชีเงินฝากของวัดพระธรรมกายทุกบัญชี 9. กรณีโอนเงินวัดเข้าบัญชีสีกาคนสนิทคนหนึ่งกว่า 400 ล้านบาท โดยไม่สามารถชี้แจงได้ว่านำเงินดังกล่าวไปใช้จ่ายเรื่องใด

รายงานระบุว่า พล.ต.ท.ล้วนได้กำชับว่าคดีใดที่สามารถดำเนินคดีได้แล้วให้นำเข้าสู่การประชุม ครั้งต่อไปด้วยเพื่ออนุมัติขอหมายจับทันที นอกจากนี้ยังมีการตั้งข้อสังเกตว่าบางคดีที่ไม่สามารถหาข้อยุติได้ เนื่องจากไม่ได้รับความร่วมมือจากพยานทั้งฆราวาสและพระสงฆ์ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ที่ประชุมได้มีมติให้ดำเนินการตามกฎหมายกับบุคคลที่ไม่ให้ความร่วมมือเหล่านั้น ไม่ว่าจะเป็นพระสงฆ์หรือฆราวาสด้วย.


0 ความคิดเห็น:

กรุณาล็อกอินก่อนใช้งาน