ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 1 ส.ค. พล.ต.ท.ล้วน ปานรศทิพ ผบช.ก. หัวหน้าชุดพนักงานสอบสวนคดีทุจริตวัดพระธรรมกาย ได้เรียกประชุมคณะพนักงานสอบสวนในคดีนี้เพื่อสอบถามความคืบหน้า โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชม. จากนั้น พล.ต.ท.ล้วน เปิดเผยว่า มาติดตามความคืบหน้าในการทำงานของพนักงานสอบสวน โดยเฉพาะกรณีที่ พระธัมมชโย นำเงินวัด 20 ล้านบาทไปจัดซื้อที่ดินแล้วใส่ชื่อของมูลนิธิวัดพระธรรมกาย ซึ่งมีความคืบหน้าไปมากอยู่ระหว่างรวบรวมรายละเอียดให้ครบถ้วน ทั้งนี้ในช่วงที่นำเงินไปจัดซื้อนั้น พระธัมมชโย เป็นเจ้าอาวาสในขณะที่เป็นประธานมูลนิธิฯด้วย ขัดกับทางจังหวัด ซึ่งพฤติการณ์ดังกล่าวก็ต้องนำมาพิจารณา ส่วนที่วัดสร้างมานานแล้วแต่เพิ่งแต่งตั้งไวยาวัจกรเมื่อปี 2542 นั้น เป็นอีกประเด็นหนึ่งที่ต้องพิจารณา
ส่วนกรณีที่มีการโอนเงินของวัดไปเข้าบัญชี สีกาอ้อย แล้วถ่ายเทไปเข้าบัญชีบุคคลอื่นที่ธนาคารในเวียดนามนั้น ผบช.ก. กล่าวว่า กำลังตรวจสอบที่มาที่ไปของเงินว่านำไปใช้ในกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับวัดหรือไม่ หากหลักฐานเพียงพอก็ออกหมายจับกุมได้ อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้พนักงานสอบสวน ได้พยายามติดต่อให้พยานในคดีมาพบหลายครั้งแต่ก็ไม่ยอมมา ซึ่งกำลังพิจารณาว่าจะออกหมายจับหรือไม่ ญาติโยมคนไหนเอาเงินของวัดไปใช้จ่ายโดยมิชอบก็ต้องมีความผิดหมด แต่ต้องมีความชัดเจนว่านำไปใช้อย่างอื่นจริง
พล.ต.ท.ล้วน กล่าวด้วยว่า ในวันที่ 24 ส.ค.ที่นัดผู้ต้องหามารายงานตัวประกอบด้วย พระธัมมชโย นางสงบ ปัญญาตรง นายมัยฤทธิ์ ปิตะวนิก และ นายชาญวิทย์ ชาวงศ์ ซึ่งจะมีการแจ้งข้อหาเพิ่มกับ พระธัมมชโย ด้วย กรณีที่โอนเงินเข้าบัญชี นางสงบ จากเดิมที่ได้แจ้งข้อหาไป 2 ครั้งเป็นเงินกว่า 500 ล้านบาท แต่ขณะนี้ปรากฏว่ามีการตรวจสอบพบเพิ่มขึ้นอีกรวมแล้วเป็น 800 กว่าล้านบาท จึงต้องมีการออกหมายจับเพิ่มเติมอีก ซึ่งจะเป็นครั้งสุดท้ายที่จะแจ้งข้อหากับผู้กระทำผิดยักยอกเงินวัดไปให้ นางสงบ ใช้ในกิจกรรมที่ไม่เกี่ยวข้องกับวัด อย่างไรก็ตามตนจะเรียกประชุมพนักงานสอบสวนอีกครั้งในวันที่ 23 ส.ค.นี้.
0 ความคิดเห็น:
กรุณาล็อกอินก่อนใช้งาน